>>> เมื่อสติสัมปชัญญะเจริญแก่กล้ามากขึ้น ปัญญาจะละเอียด รอบคอบมากขึ้น จนกลายเป็นคนคิดมาก คิดเยอะ คิดแง่นั้นมุมนี้สารพัด แต่ก็เป็น “การคิดมากที่ไม่ปวดหัว” เพราะแม้จะคิดมากเท่าไหร่..มันก็มาลงเอยที่คำว่า “มันก็เท่านั้นแหละ” “มันเป็นเช่นนั้นเอง” “โลกมนุษย์มันก็อย่างนี้”
มันคิดมากเอง ไม่ใช่ไปคอยตั้งใจจะคิดมาก พอตาเห็น หูได้ยิน มันก็คิดวิเคราะห์วิจารณ์ไปเอง แล้วก็จบไปเอง การกระทำในชีวิตประจำวันก็เปลี่ยนไปมากอย่างเห็นได้ชัด มีความละเอียด และมีเหตุมีผลมาก (แต่คนไม่เจริญสติ คิดมากก็ปวดหัวกันทั้งนั้น เพราะคิดไม่ถูกเรื่อง)
สมัยเป็นฆราวาส เคยพบกับครูบาอาจารย์ท่านหนึ่งที่ขอนแก่น ท่านใช้ให้เรากับเพื่อนม้วนเก็บสายไฟ พวกเราก็รีบม้วนกันทันที มันก็บิดไปบิดมา ท่านก็เดินมาทำให้ดู ท่านม้วนชนิดที่ไม่ให้สายไฟบิดเลย และเรียงกันเป็นระเบียบยังกับซื้อมาใหม่จากร้าน ท่านก็เอ็ดเพื่อนเรา(เป็นลูกศิษย์ใกล้ชิด)ว่าเรียนปริญญาโทม้วนสายไฟยังไม่เป็น เราก็พลอยสะอึกไปด้วย นึกถึงตอนเรียนปริญญาโทพวกเราก็อ่านตรวจทานวิทยานิพนธ์กันไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ มันก็เป็นการทำงานที่ละเอียดเหมือนกัน แต่นิสัยละเอียดมันไม่ติดมาเป็นปกติในเรื่องอื่นๆ เลย เพราะอะไร...น่าคิด... ? สาเหตุหนึ่งก็คือเราทำเพื่อ “อยาก” ให้เรียนจบ หรือทำตามกติกาตามระเบียบการ ไม่ได้ทำเพราะเห็นคุณค่าของความประณีต หรือสติปัญญาไม่มีพอที่จะคิดเห็นประโยชน์ในการทำงานทุกอย่างให้ละเอียด มันก็เหมือนกับว่าถ้าเราเห็นว่าอาหารชนิดนั้นมีประโยชน์ เราก็จะไขว่คว้าหามากิน แต่ถ้าเราไม่เห็นประโยชน์เราก็จะเฉยๆ
และวันหนึ่ง เราก็สังเกตเห็น (ตามันไปเห็นเอง) หลวงพ่อท่านม้วนสายไฟเก็บ ท่านนั่งม้วนไปช้าๆ ไม่รีบไม่ร้อน สภาพสายไฟมันดูเรียงกันเรียบร้อยอย่างกับเพิ่งซื้อมาจากร้านเลย มันทำให้เรานึกถึงเหตุการณ์ที่ขอนแก่น พร้อมกับเกิดคำถามที่ต้องหาคำตอบ ทำไม??
ตอนหลังพอเราได้สัมผัสรสชาตินั้นกับตัวเอง เราจึงเข้าใจ “พวกท่าน” ว่าทำไมต้องใส่ใจรายละเอียดเรื่องต่างๆ มากนัก ประณีตมากนัก คิดมากหลายเหลี่ยมหลายมุมนัก “มันเป็นของมันเองโดยอัตโนมัติ” เมื่อสติปัญญามันแก่กล้านี่เอง การ “เจริญสติสัมปชัญญะ(ที่กาย)นำหน้าเป็นหลัก ทำให้มาก ให้บ่อย” นี่ไม่มีทางหลง และหวังพึ่งได้ชัดเจน สมาธิก็มีอยู่ในนั้น ปัญญาจะเกิด “ปิ๊ง” ขึ้นมาได้มากมาย โดยไม่ต้องตระเตรียมอะไรไว้ก่อนเลย ถ้าจะพูดแบบภาษาชาวบ้านก็ว่ามีไหวพริบในการจัดการกับปัญหาปัจจุบันเฉพาะหน้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น