วิธีการหนึ่ง..คือ เวลาสวดมนต์ ให้สติรู้อยู่ที่การขยับขึ้น-ลงของริมฝีปาก มันจะเห็นอาการคล้ายหุ่นถูกบงการให้ขยับปาก หรือรู้ที่การเคลื่อนเข้า-ออกของลม มันจะเห็นเป็นธรรมชาติของลมที่ไม่มีใครกำลังบงการ มันเข้าออกเองมัน (รูปัง อนัตตา) และมันก็เคลื่อนไม่หยุด (รูปัง อนิจจา) แล้วมันจะพัฒนาไปเห็นสัญญาและสังขารที่ปรุงแต่งเป็นคำสวดไหลออกมาผลักดันให้ปากขยับ เพียงแค่ดูหรือสังเกตดู ทุกอย่างเป็นกลไกอัตโนมัติตามธรรมชาติ คำสวดมันจะไหลออกมาเพราะมันเคยจำไว้ และสภาพแวดล้อมที่ปรุงว่าหน้าที่ตอนนื้คือสวดมนต์ พอสวดคำนี้มันก็เรียกคำนี้ต่อมา แต่ละคำๆ ไหลเป็นสายเหมือนโช่ แต่บางทีมันก็ลืม มันก็ไม่ไหลต่อออกมา นั่นก็เป็นบทบาทของความไม่เที่ยง (สัญญา อนิจจัง) เรากำหนดไม่ได้ว่าให้มัน “จำได้” หรือจะให้มัน “ลืม” (สัญญา อนัตตา)
การปฏิบัติธรรมนี่ “สนุกมากๆ” ตื่นตาตื่นใจยิ่งกว่าเที่ยวรอบโลกซะอีก เหมือนไล่ตามดู สังเกตดู ศึกษาดูอะไรบางเรื่องราวซึ่งเราหลงเรียกมันว่า “ตัวเอง” หรือ “สิ่งมีชีวิต”
การรู้ธรรมะ เข้าใจธรรมะ ต้องรู้ได้ด้วยตัวเองจึงจะรู้ว่าสนุกจริงๆ
ตอบลบนมัสการคะ